ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (19 ต.ค.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้บดบังปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเน็ตฟลิกซ์ และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,423.81 จุด ลดลง 99.99 จุด หรือ -0.33%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,695.16 จุด ลดลง 24.82 จุด หรือ -0.67% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,680.51 จุด ลดลง 91.89 จุด หรือ -0.85%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 14 ปี และเป็นปัจจัยฉุดตลาด เนื่องจากพันธบัตรดังกล่าวใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภทนี้จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง และมีค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น ขณะที่บริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีได้ฉุดหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ร่วงลง 4.13% หุ้นแอมะซอน ลดลง 1.11% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.85% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.13%
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนพ.ย.และธ.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% จำนวน 5 ครั้งติดต่อกัน หลังจากปรับขึ้น 0.75% ในเดือนมิ.ย.,ก.ค.และก.ย.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 8.1% ในเดือนก.ย. สู่ระดับ 1.439 ล้านยูนิต และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.475 ล้านยูนิต จากระดับ 1.566 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และราคาวัสดุก่อสร้าง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด่านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จากคอนเฟอเรนซ์บอร์ด (Conference Board)