ผลประชุมเฟดตามคาด ดันเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง หนุนหุ้นไทยปิด +21.66 จุด

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

SET INDEX ปิดตลาด +21.66 จุด นักวิเคราะห์ชี้ตลาดมองผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นไปตามคาดหลังปรับลด QE และจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้สภาพคล่องไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้น ดันหุ้น กองทุนดีดตัวรับผลการประชุมทันที มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้ประเมินแนวรับ 1,630-1,620 แนวต้าน 1,650-1,660 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ปรับตัวขึ้นร้อนแรงกว่า +21.66 จุด หรือเพิ่มขึ้นกว่า +1.33% โดยปิดตลาดที่ 1,645.32 จุด ส่วนมูลค่าการซื้อขายกว่า 89,098.47 ล้านบาท โดยวันนี้ตลอดทั้งวันดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนบวกทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย โดยร้อนแรงเพิ่มมากขึ้นในช่วงบ่าย ซึ่งปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 1,645.44 จุด ขณะเดียวกันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,624.31 จุด

ขณะที่ส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 1,016 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 561 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 588 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -5,017.31 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -126.93 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 4,662.56 ล้านบาท และ บัญชี บล.ซื้อสุทธิกว่า 481.68 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.EA มูลค่าการซื้อขาย 6,893.48 ล้านบาท ปิดที่ 98.00 บาท เพิ่มขึ้น 13.00 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,957.94 ล้านบาท ปิดที่ 143.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
3.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,548.20 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
4.GULF มูลค่าการซื้อขาย 2,433.03 ล้านบาท ปิดที่ 42.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท
5.GPSC มูลค่าการซื้อขาย 2,400.53 ล้านบาท ปิดที่ 77.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.EA ปิดที่ 98.00 บาท เพิ่มขึ้น 13.00 บาท หรือ 15.29%
2.DELTA ปิดที่ 438.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท หรือ 1.86%
3.KBANK ปิดที่ 143.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 3.25%
4.JMART ปิดที่ 53.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 8.16%
5.SCB ปิดที่ 128.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 3.23%

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SPALI ปิดที่ 22.00 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 1.35%
2.AOT ปิดที่ 60.50 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.41%
3.GLOBAL ปิดที่ 20.00 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.50%
4.JAS ปิดที่ 3.30 บาท ลดลง 0.08 บาท หรือ 2.37%
5.ICHI ปิดที่ 9.95 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 0.50%

ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,242.78 จุด เพิ่มขึ้น 37.32 จุด หรือ 1.69% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 980.51 จุด เพิ่มขึ้น 16.39 จุด หรือ 1.70% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 573.38 จุด เพิ่มขึ้น 3.38 จุด หรือ 0.59%

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า มีการปรับตัวขึ้นได้ดีตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกตามตลาดสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็บวกได้ดีกว่า 1% ตอบรับผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ออกมาตามที่คาดไว้ ทั้งการเร่งปรับลด QE และการจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้สภาพคล่องกระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงหุ้นด้วย ซึ่งคาดว่าบ้านเราวันนี้นักลงทุนต่างชาติ และกองทุนน่าจะซื้อสุทธิ

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ต่อไป ส่วนบ้านเราให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์หน้า และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในยุโรป ส่วนบ้านเราติดตามสถานการณ์การระบาดช่วงปีใหม่

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ มองว่าทิศทางดัชนีอาจจะเริ่มชะลอตัวลงหลังจากที่ขึ้นไปมากในวันนี้ โดยประเมินแนวรับที่ 1,630-1,620 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,650-1,660 จุด