นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ถือเป็นวันปีใหม่ของคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีน ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกเทศกาลที่มีการเดินทางของประชาชนเพิ่มมากขึ้น ทั้งการเดินทางท่องเที่ยวหรือไหว้เทพเจ้าตามสถานที่ต่างๆ ทำให้เส้นทางการจราจรหนาแน่น จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้ผู้ขับขี่เตรียมความพร้อม ก่อนเดินทางตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถ เช็กระบบไฟส่องสว่างทุกดวง และศึกษาเส้นทางล่วงหน้า ก่อนขับรถควรพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่แอลกอฮอล์ หรือทานยาที่มีฤทธิ์กดประสาท เพราะอาจทำให้หลับในและส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับรถ ในการขับรถนอกจากต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดแล้ว ผู้ขับขี่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถผ่านบริเวณที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ดังนี้ ไหล่ทาง มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ผู้ขับขี่ไม่ควรจอดรถริมไหล่ทาง และไม่ควรขับรถในบริเวณไหล่ทาง โดยเฉพาะบริเวณทางขึ้น-ลงสะพาน ถนนที่มีไหล่ทางแคบ หรือถนนที่มีลักษณะเป็นคอขวด เพราะหากมีรถจอดฉุกเฉินริมข้างทาง แล้วมีรถแซงไหล่ทางด้วยความเร็วสูง อาจหยุดรถไม่ทัน ทำให้พุ่งชนรถที่จอดริมข้างทางอย่างรุนแรง หากจำเป็นต้องจอดรถริมไหล่ทาง เช่น รถเสีย ควรให้สัญญาณไฟล่วงหน้า เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน หรือจอดในจุดจอดรถริมข้างทางที่จัดไว้เท่านั้น ทางร่วมทางแยก เช่น สามแยก, สี่แยก เป็นจุดที่มักเกิดอุบัติเหตุรุนแรง เพราะรถที่วิ่งผ่านทางแยกมักใช้ความเร็วสูง
ดังนั้นผู้ขับขี่ควรชะลอความเร็วลง ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรอย่างเคร่งครัด หากเห็นสัญญาณไฟเหลือง ให้ชะลอความเร็ว และหยุดรถหลังเส้นที่กำหนด ห้ามจอดรถทับทางม้าลาย จุดกลับรถ เป็นจุดเสี่ยงที่มักเกิดอุบัติเหตุทางถนนอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน ผู้ขับขี่ที่ต้องการกลับรถจึงควรหยุดรถรอ และกลับรถในจุดที่กำหนดเท่านั้น ไม่ควรเลื่อนรถไปกีดขวางช่องทางจราจร กะระยะทางและเร่งอัตราความเร็วในการออกรถให้เหมาะสม สำหรับผู้ขับขี่ที่ขับผ่านจุดกลับรถ ควรชะลอความเร็วหรือเปลี่ยนช่องทางไปทางด้านซ้าย เพิ่มความปลอดภัยของตนเองและเพื่อนร่วมทาง จุดตัดทางรถไฟ ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ชะลอความเร็ว สังเกตป้ายเตือนว่าเป็นทางรถไฟแบบมีเครื่องกั้น หรือหากเป็นจุดตัดทางรถไฟแบบไม่มีเครื่องกั้น ให้สังเกตสัญญาณเสียง หรือสัญญาณไฟวาบ และควรหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่ต่ำกว่า 5 เมตร
นายจิรุตม์ กล่าวว่า กรณีขับรถทางไกล มีโอกาสที่ผู้ขับขี่จะขับแซงรถคันหน้าหรือเปลี่ยนเลนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะต้องแซงทางด้านขวามือเสมอ และก่อนแซงหรือเปลี่ยนเลนต้องให้สัญญาณไฟทุกครั้ง โดยห้ามแซงในบริเวณที่มีป้ายห้ามแซง บริเวณทางลาดชัน ขึ้นสะพาน ทางโค้ง วงเวียน ทางร่วมทางแยก ทางรถไฟ สำหรับกรณีที่ต้องขับรถในช่วงเวลากลางคืน ความสามารถในการกะระยะใกล้-ไกล การจำแนกสี หรือประสาทการมองเห็นทัศนวิสัยรอบด้านของผู้ขับขี่จะลดน้อยลง จึงควรขับรถให้ช้าลงและรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้าให้มากกว่าปกติ เพราะเมื่อรถคันข้างหน้าเบรกหรือเลี้ยวกะทันหัน จะทำให้มีระยะหยุดรถมากขึ้น มีเวลาตัดสินใจแก้ไขเหตุฉุกเฉินเฉพาะหน้าได้อย่างปลอดภัย หากเป็นการขับรถกลางคืนที่ระยะทางไกลเกิน 150 กิโลเมตรขึ้นไป ควรต้องมีผู้ขับรถสลับเปลี่ยนกันขับ หรือควรพักรถและคนขับเป็นระยะๆ และอย่ามองข้ามจุดเสี่ยงบนท้องถนน เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ ลดความเสี่ยง ลดอุบัติเหตุ
อ้างอิง
https://siamrath.co.th